บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2017

คำศัพท์เกี่ยวกับเรื่องของปุ๋ย

คำศัพท์ที่เกี่ยวกับ "ปุ๋ย" ที่ท่านต้องทราบก่อนที่จะเริ่มขยายงานการเกษตร และจำไว้ให้ขึ้นใจ ก่อนที่จะศึกษากันต่อ...ครับ " ปุ๋ย " คือวัตถุใดก็ตามที่นำมาใช้ในการเพาะปลูกแล้วทำให้พืชเจริญเติบโต เพิ่มผลผลิต ไม่เป็นพิษต่อพืชหรือเกิดผลเสียต่อดิน ซึ่งส่วนใหญ่หลักสำคัญของปุ๋ยก็คือ ธาตุอาหารพืช " ปุ๋ยเคมี " คือ ปุ๋ยที่สังเคราะห์ขึ้นมาจากสารอนินทรีย์ต่างๆ ซึ่งมีทั้งปุ๋ยเดี่ยว และปุ๋ยผสม " ปุ๋ยอินทรีย์ " คือ ปุ๋ยที่ได้จากสารอินทรีย์ ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพ และปุ๋ยพืชสด " ปุ๋ยพืชสด " คือ ปุ๋ยที่ได้จากการไถกลบพืชตระกูลถั่วในช่วงที่ออกดอก หรือการนำแหนแดงมาหว่านในพื้นที่แล้วไถกลบให้เน่าเปื่อยย่อยสลาย และปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาเพื่อให้พืชนำไปใช้ประโยชน์ " ปุ๋ยเดี่ยว " คือ ปุ๋ยเคมีที่ให้ธาตุอาหารหลักเพียงธาตุเดียว " ปุ๋ยผสม " คือ ปุ๋ยเคมีที่ให้ธาตุอาหารหลักมากกว่า 1 ธาตุ " สูตรปุ๋ย หรือ เกรดปุ๋ย " คือ เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักของปริมาณธาตุอาหารหลักทั้งหมดที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ (เช่น ปุ๋ยสูตร...

ธาตุโบรอน B (ตอนที่ 2 )

ธาตุโบรอน B (ตอนที่ 2) ***** ต่อจากตอนที่ 1 ***** ปกติดินที่ขาดธาตุโบรอน จะเป็นดินทรายตามชายฝั่งทะเลซึ่งมีธาตุโบรอนน้อยที่สุด แต่การขาดธาตุโบรอนนั้น (จนเป็นอันตรายต่อพืช) จะพบในดินเกือบทุกชนิด การขาดธาตุโบรอนนี้จะเกิดขึ้นรุนแรงและเห็นได้เด่นชัดในช่วงที่พืชกระทบอากาศแห้งแล้ง หรือพืชขาดน้ำมากๆ ในดินที่มีฤทธิ์เป็นด่าง และพบว่าพืชที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว (เร็วเกินไป) จากการที่เราเร่งปุ๋ยไนโตรเจนและโปแตสเซี่ยม จะแสดงอาการขาดธาตุโบรอนรุนแรงกว่า พืชที่เจริญเติบโตเป็นปกติหรือโตช้า อาการทั่วไปของพืชที่ขาดธาตุโบรอน 1.ชะงักหรือหยุดการเจริญเติบโต 2.ส่วนปลายหรือขอบใบ(โดยเฉพาะยอด/ใบอ่อน)จะไหม้แห้ง (ใบอ่อนบางโปร่งใสผิดปกติ เส้นกลางใบหนาและกร้าน) 3.ใบแก่จะบิดเบี้ยวผิดรูป 4.ที่ขอบหรือส่วนล่างของผิวใบจะเปลี่ยนเป็นสีแดง 5.ลำต้นส่วนที่เป็นไส้กลาง หรือส่วนของเนื้อเยื่อที่อวบอ่อน จะช้ำหรือเป็นแผลแตกแยกออก (อาจมีอาการตกกระ มีสารเหนียวๆ ออกมาตามเปลือกของลำต้น) กิ่วก้านจะดูเหี่ยวๆ 6.พืชหัว เช่นแครอท มันฝรั่ง หรือ พืชเป็นผล เช่นแตง สีเนื้อภายในจะซีดจางหรือหายไป เนื้อหยาบแข็ง ผลเล็กแข็งผิดปกติ เปลือกห...

ธาตุโบรอน B (ตอนที่ 1)

ธาตุโบรอน B (ตอนที่1) ธาตุโบรอน เป็นธาตุอาหารพืชที่พืชต้องการน้อยมาก แต่ก็จำเป็นในพืชผักทุกชนิด ในการเจริญเติบโต พืชแต่ละชนิด ต้องการธาตุโบรอนในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป แร่ที่มีธาตุโบรอนเป็นองค์ประกอบได้แก่ บอแรกซ์ ทัวร์มาลีน ซึงพบว่ามีธาตุโบรอนอยู่มาก และเป็นสารที่ละลายน้ำได้ยาก และทนต่อการกัดกร่อน จึงทำให้การปลดปล่อยธาตุโบรอนจากต้นกำเนิด ค่อนข้างยากและช้า ทำให้ดินขาดธาตุโบรอนมากขึ้น เมื่อมีการปลูกพืชอย่างต่อเนื่องโดยไม่ปล่อยให้ดินพักตัว หน้าที่ความสำคัญของธาตุโบรอนในพืช ธาตุโบรอนแม้ว่าพืชต้องการน้อยมาก แต่ก็มีความสำคัญไม่แพ้ธาตุอาหารหลักของพืช เนื่องจากโบรอน ช่วยในขบวนการสังเคราะห์โปรตีนและลิกนิน ควบคุมการสร้างการเคลื่อนย้ายคาร์โบไฮเดรท และการแบ่งเซลล์ และยังเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญในพืช  การยึดตัวของรากพืชบางชนิดและมีความสำคัญในการสร้างปมรากพืชตระกูลถั่ว นอกจากนี้ธาตุโบรอนยังมีความเกี่ยวพันกับธาตุอาหารอย่างอื่นด้วย เช่น - เมื่อขาดธาตุโบรอน จะทำให้พืชดูดซึมธาตุ โปแตสเซี่ยม ขึ้นมาจากดินมากเกิความต้องการของพืช จนอาจเกิดอันตรายหรือเป็นพิษต่อพืชได้ - เป็นตัวช่วยเร่งปฏิกิริยา...

ธาตุคลอรีน Cl

ธาตุคลอรีน Cl ธาตุคลอรีน จะมีทั่วๆไปในดิน เกลือ และในอากาศ ซึ่งจะละลานน้ำได้ดี พอๆ กับเกลือไนเตรต คลอรีนในอากาศจะอยู่ในรูปของก๊าซ เช่นเดียวกับ ธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และอ๊อกซิเจน หน้าที่ความสำคัญของธาตุคลอรีน หน้าที่ที่แท้จริงของธาตุคลอรีนในพืชนั้น ยังไม่มีผู้ใดทราบแน่นอน แต่นักวิทยาศาสตร์บางท่านได้ลงความเห็นว่า ธาตุคลอรีนมีความสำคัญต่อกระบวนการสังเคราะห์แสง และช่วยให้พืชแก่เร็วขึ้น (มีบทบาทบางประการเกี่ยวกับฮอร์โมนในพืช) อาการของพืชเมื่อขาดธาตุคลอรีน พืชมักจะไม่แสดงอาการ การขาดธาตุคลอรีนมากนัก เพราะในดินมีปริมาณที่เพียงพอ นอกจากนี้ปุ๋ย โปแตสเซี่ยมคลอไรด์ (KCl) ที่เรานิยมใช้อยู่ก็มีองค์ประกอบของธาตุคลอรีนรวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก จากการทดลองพบว่าพืชที่ได้รับธาตุคลอรีนไม่เพียงพอ จะแสดงอาการ ใบเหี่ยวด่างลาย แผลจุด และมีสีบรอนซ์ - พบว่า ผักกาดหอมห่อ และซูการ์บีท จะมีความไวต่อการขากธาตุคลอรีนมากที่สุด (ตามลำดับ) โดยถ้าขาดจะแสดงอาการที่เนื้อใบอ่อนที่อยู่กลางๆ ของต้น สีจะซีดจางลงและด่างลายเป็นร่างแห

ธาตุโมลิดินั่ม Mo

รูปภาพ
ธาตุโมลิดินั่ม Mo เป็นจุลธาตุ ที่ช่วยให้พืชใช้ไนโตรเจนให้เป็นประโยชน์ (ทำให้การทำงานของไนโตรเจนในพืชสมบูรณ์ขึ้น) และเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์โปรตีน ธาตุโมลิดินั่ม จะเป็นองค์ประกอบของเอ็นไซม์ซึ่งจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการเปลี่ยนไนเตรต ไปเป็น ไนไตรต์ (หน้าที่การควบคุมไนเตรตในพืช) เพื่อให้พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยอย่างยิ่งในพืชตระกูลถั่ว (การตรึงไนโตรเจน) และธาตุโมลิดินั่มยังช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของพืช ช่วยให้ผลไม้แก่เร็ว สุกเร็วขึ้น ในผลไม้ที่มีสารไนเตรตสูง จะทำหน้าที่เปลี่ยนเป็นไนเตรตให้เป็นกรดอะมิโน เป็นโปรตีน และเป็นน้ำตาล ทำให้ผลไม้มีรสหวาน ดินที่มีปุ๋ยคอก (มูลสัตว์ต่างๆ) หรือดินที่มีการปลูกพืชคลุมอยู่หนามากๆ มักจะมีธาตุโมลิดินั่มอย่างพอเพียงและอยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตได้ ความต้องการธาตุโมลิดินั่มในพืชแต่ละชนิดไม่เท่ากัน เช่น พืชตระกูลถั่ว ธัญพืช และพวกหญ้าต่างๆ เป็นพืชที่มีโมลิดินั่มประกอบอยู่สูง เมื่อเทียบกับพืชอย่างอื่นพวกวัชพืชต่างๆ จะมีปานกลาง ที่มีต่ำสุดได้แก่ พวกผักกาดต่างๆ (ในบรรดาผักทั้งหมด ปรากฎว่ากะหล่ำดอกเป็นผักที่ไวต่อการขาด...

ธาตุทองแดง Cu

รูปภาพ
ธาตุทองแดง Cu เป็นจุลธาตุที่สำคัญต่อพืชธาตุหนึ่ง แม้ว่าพืชจะดูดดึงไปใช้น้อยกว่า ธาตุเหล็ก แมงกานีส สังกะสี เนื่องจากธาตุทองแดงมีบทบาทสำคัญในขบวนการสังเคราะห์แสง ขบวนการสร้างคลอโรฟิลล์ ระบบหายใจของพืช ระบบระเหยน้ำ ช่วยในการสืบพันธุ์ ขยายพันธุ์ และเป็นองค์ประกอบสำคัญของเอ็นไซม์ หลายชนิด นอกจากนั้นยังพบว่าธาตุทองแดงยังเป็นตัวช่วยทำให้ธาตุอื่น บางชนิดเป็นประโยชน์ หรือไม่เป็นประโยชน์ ต่อพืชอีกด้วยธาตุทองแดงที่อยู่ในดินจะมีหลายสภาพ เช่น ไอออนที่แลกเปลี่ยนได้ (อยู่ที่ผิวของคอลลอยด์) บางส่วนอยู่ในสภาพสารประกอบอินทรีย์ (ซึ่งละลายได้ยาก พืชนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้)) และอยูในสภาพไอออนละลายอยู่ในดิน (พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้) หน้าที่สำคัญของธาตุทองแดง (มีผลต่อพืชโดยอ้อม) 1.ช่วยสร้างสารสีเขียวหรือคลอโรฟิลล์  (เพิ่มโมเลกุลของคลอโรฟิลล์) ป้องกันการถูกทำลายของส่วนสีเขียว รวมทั้งมีส่วนสำคัญในขบวนการสังเคราะห์แสง 2.เป็นส่วนประกอบของเอ็นไซม์ในพืช (เร่งปฏิกิริยาของเอ็นไซม์) อันมีผลต่อการหายใจของพืช การเจริญเติบโต การติดดอก ออกผลของพืช (เพิ่มความหวานในผลไม้ เพิ่มกลิ่นในผลไม้และผัก เพิ่มความเข้มของสี) 3....

ธาตุสังกะสี Zn

รูปภาพ
ธาตุสังกะสี Zn เป็นธาตุอาหารที่พืชต้องการในปริมาณที่น้อย แต่ขาดไม่ได้ หรือเรียกว่า "จุลธาตุ" สังกะสีจะทำหน้าที่ร่วมในกระบวนการอ๊อกซิเดชั่น ของเซลล์พืช ช่วยในการเคลื่อนย้ายคาร์โบไฮเดรท การควบคุมการใช้น้ำตาลของพืช เป็นตัวร่วมในการผลิตคลอโรฟิลล์ และเป็นส่วนประกอบของอ๊อกซิน และฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ธาตุสังกะสีจึงมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับขบวนการทางชีวเคมีต่างๆ ของพืช ได้แก่ 1.ขบวนการ การสังเคราะห์แสง และการสร้างน้ำตาล 2.การสังเคราะห์โปรตีน 3.การเจริญพันธุ์ และการเพาะเมล็ด 4.การเจริญเติบโตของพืช 5.การตัานทานต่อโรคพืช อาการของพืชเมื่อขาดธาตุสังกะสี ธาตุสังกะสีเป็นธาตุที่ไม่เคลื่อนย้ายถ่ายเทได้ เมื่อพืชขาด จะมีอาการแสดงให้เห็นจากส่วนปลายหรือยอดก่อนแล้วจึงเคลื่อนลงมาหาโคนพืช - อาการขาดสังกะสี จะมีอาการเหมือนขาดแมกนีเซี่ยม คือ สีใบจะซีดจางลง โดยเริ่มจากขอบใบเข้ามาด้านใน (เส้นใบยังสีเขียวอยู่) ขนาดของใบจะเล็กลง (อาจมีรูปร่างผิดปกติ) แคระแกรน ใบจะงอกเป็นกระจุก ส่วนยอดหรือปลายจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือไม่ก็สีขาวซีด เช่นข้าวโพด จะแสดงอาการที่ส่วนยอดหรือปล...

ธาตุเหล็ก Fe

รูปภาพ
ธาตุเหล็ก Fe เป็นธาตุที่พืชต้องการในปริมาณน้อย แต่ขาดไม่ได้ เรียกว่า "จุลธาตุ" ธาตุเหล็กจะพบในดินมาก แต่ไม่ได้อยู่ในรูปที่เป็นประโยชนต่อพืช ซึ่งปัญหาในการขาดธาตุเหล็กในพืชไม่ใช่เพราะธาตุเหล็กในดินมีปริมาณน้อย แต่เกิดจากการไม่ละลายและความไม่เป็นประโยชน์ต่อพืชของธาตุเหล็กในดิน เช่นดินที่มีความเป็นกรดด่างมากๆ ธาตุเหล็กจะไม่เป็นประโยชน์ต่อพืชเลย แต่ในดินที่มีน้ำขังจะให้ธาตุเหล็กมีประโยชน์ต่อพืชสูงขึ้น ธาตุเหล็กพืชจะนำไปใช้ได้ต้องมีค่า pH ของดินหรือน้ำอยู่ระหว่าง 5.5-5.6 ถ้าต่ำกว่านี้จะทำให้ปริมาณของธาตุเหล็กมีมากเกินไปจนก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อพืช โดยเฉพาะมะเขือเทศ พริก และพืชตระกูลแตงต่างๆ เมื่อรับธาตุเหล็กมากเกินไป ใบจะด่างลาย (คล้ายกับอาการ Mosaic) หยุดการเจริญเติบโต ใบม้วนลงด้านล่าง ซีดเหลืองทั้งใบ (ดินที่มีธาตุเหล็กมากเกินจนเป็น อันตรายต่อพืชได้แก่ ดินทราย ดินลูกรังที่มีสีแดงหรือสีน้ำตาลเข้ม) ธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบของโปรตีนในพืช ช่วยกระตุ้นให้การหายใจและการปรุงอาหารของพืชให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าธาตุเหล็กจะไม่ใช่องค์ประกอบของคลอโรฟิลล์และเอ็นไซม์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้...

ธาตุแมงกานีส Mn

รูปภาพ
ธาตุแมงกานีส Mn เป็นธาตุที่พืชต้องการน้อยแต่ขาดไม่ได้ เรียกว่า"จุลธาตุ" มีความสำคัญต่อพืชคล้ายๆ ธาตุเหล็ก กล่าวคือ มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ หลายชนิด  ช่วยในขบวนการอ็อกซิเดชั่น - รีดั๊กชั่น ในขบวนการสังเคราะห์แสง และช่วยสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ (เป็นองค์ประกอบของคลอโรพลาสต์) (มีส่วนใน ขบวนการ Metabolism ของ Fe และ N) การนำไปใช้ประโยชน์ของพืช แมงกานีสเป็นองค์ประกอบของแร่ ไพโรลูไซค์ แร่โดโรไครไซต์ แร่โรโดไนต์ เมื่อแร่ผุพังสลายตัวก็จะปลดปล่อยแมงกานีสออกมา แมงกานีสที่เป็นประโยชน์ต่อพืช จะอยู่ในรูปแมงกานีสทู ไอออน และ แมงกานีส ไตอ๊อกไซค์ ซึ่งอยู่ในสารละลายในดิน  หน้าที่สำคัญของธาตุแมงกานีส 1. ช่วยในการหายใจ (เกิดแก๊สคาร์บอนไดอ๊อกไซค์) /สังเคราะห์แสง (เกิดคลอโรฟิลล์) /เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานเคมี /ช่วยสังเคราะห์โปรตีนในพืชให้เป็นแป้ง และน้ำตาล 2. เพิ่มจำนวนช่อดอก จำนวนผล ช่วยพัฒนาขนาดของผลและเมล็ด ส่งเสริมการสุกการแก่ของผล ควบคุมการคายน้ำของผล 3. สร้างความต้านทานต่อความหนาวเย็นหรือเมื่อมีอุณหภูมิต่ำ 4. สร้างให้พืชมีความต้าน...

ธาตุกำมะถัน S

รูปภาพ
ธาตุกำมะถัน S (หรือ ธาตุซัลเฟอร์) เป็นธาตุอาหารรอง จากธาตุอาหารหลัก N , P , K  พืชต้องการในปริมาณที่น้อยกว่าธาตุอาหารหลัก แต่มีความจำเป็นต่อพืชมาก เพราะธาตุกำมะถันเป็นองค์ประกอบสำคัญของกรดอะมิโน และโปรตีน และวิตามินบางชนิด และยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของสารระเหยในพืช (ทำให่พืชมีกลิ่นเฉพาะตัว) เช่น กระเทียม หัวหอม ทุเรียน ฯลฯ แหล่งที่มาของกำมะถัน - องค์ประกอบส่วนใหญ่ของกำมะถันจะเป็นส่วนประกอบของหินอัคนีที่ผุพังสลายตัวในรูปของโลหะซัลไฟด์ (แร่ไฟไรท์ ,ยิปซั่ม ฯลฯ) เมื่ออยู่ในสภาพที่เหมาะสมจะถูกออกซิไดซ์ให้มาอยู่ในรูปของซัลเฟต (เช่นเกลือซัลเฟต) ส่วนใหญ่จะพบในดินที่แห้งแล้ง หรือกึ่งแห้งแล้ง - ได้จากซากพืชซากสัตว์ซึ่งสะสมอยู่ในดิน ในรูปอินทรีย์กำมะถัน - ได้จากการละลายมากับน้ำฝนของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซค์ ที่ตกลงมาสู่ดิน แล้วเปลี่ยนรูปจาก อนุมูลซัลเฟต ไปอยู่ในรูปของซัลไฟด์ด้วยกิจกรรมของจุลินทรีย์ - ได้จากการใส่ปุ๋ยกำมะถันลงไปในดิน ประโยชน์ของธาตุกำมะกัน 1.จำเป็นต่อการสร้างโปรตีนและกรดอะมิโน 2.เป็นองค์ประกอบของวิตามิน B1 ,Co enzyme A,Glutathione และ เอ็มไซม์อื่นๆ 3.มีส่วนร่วมในการสร้าง...

ธาตุแมกนีเซี่ยม Mg

รูปภาพ
ธาตุแมกนีเซี่ยม  คือธาตุอาหารรอง จากธาตุอาหารหลัก N , P , K พืชที่มีสีเขียวทุกชนิดต้องการเพื่อการเจริญเติบโต เนื่องจากแมกนีเซี่ยมมีส่วนร่วมในการสร้างเม็ดสีเขียว ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ เพื่อช่วยในขบวนการสังเคราะห์แสง กระบวนการหายใจ การทำงานของระบบเอมไซม์ และยังช่วยในการเคลื่อนย้ายธาตุฟอสฟอรัส (จากส่วนที่แก่ไปยังส่วนอื่นๆ ที่อ่อนกว่าของต้น) ช่วยในการสร้างไขมันในพืช  รวมทั้งช่วยให้พืชมีความต้านทานต่อโรคที่เกิดจากเชื้อบางชนิด นอกจากนี้แล้วแมกนีเซี่ยมยังเป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์โดยอยู่ในรูปของ แมกนีเซี่ยม เพคเตท ธาตุแมกนีเซี่ยมในดิน ในดินแบ่งออกเป็น 2 รูป คือ 1.อินทรีย์แมกนีเซี่ยม พืชจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้น้อย ซึ่งจะอยู่ในรูปของไพติน และ แมกนีเซี่ยม เพคเตต ถ้าพืชจะนำไปใช้จะต้องถูกจุลินทรีย์ย่อยสลาย จากอินทรีย์แมกนีเซี่ยมมาเป็นอนินทรีย์แมกนีเซี่ยม (ในรูปของ แมกนีเซี่ยม ไอออน) ก่อน 2.อนินทรีย์แมกนีเซี่ยม มาจากหินและแร่ (แร่ไบโอทิน แร่เซอร์เพนทีน และแร่โดโลไมต์) เมื่อแร่ผุพัง สลายตัวจะให้ แมกนีเซี่ยม ไอออน ลงไปในดิน (แมกนีเซี่ยมที่แลกเปลี่ยนได้) พืชสามารถนำ...

ธาตุแคลเซี่ยม Ca

รูปภาพ
ธาตุอาหารพืช แคลเซี่ยม Ca เป็นธาตุอาหารรอง จากธาตุอาหารหลัก N , P , K ซึ่งมาจากองค์ประกอบหลายชนิด ที่เรารู้จักกันมากในกลุ่มของเกลือแคลเซี่ยมอิสระ พวกปูนต่างๆ ได้แก่ หินปูน โดโลไมท์ ยิปซั่ม ฯลฯ ธาตุแคลเซี่ยมเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของผนังเซลล์ อยู่ในรูปของของ แคลเซี่ยมเพคเตต ช่วยในการแบ่งเซลล์ ช่วยในการสร้างโปรตีน และช่วยในการทำงานของเอมไซม์ ธาตุแคลเซี่ยมที่อยู่ในดิน มี 2 รูป คือ อินทรีย์แคลเซี่ยม พืชเอาไปใช้ประโยชน์ได้น้อย ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของไพติน และแคลเซี่ยมเพคเนต พืชจะนำไปใช้ได้จะต้องถูกจุลทรีย์ย่อยสลายเปลี่ยนจากอินทรีย์แคลเซี่ยมไปเป็น อนินทรีย์แคลเซี่ยมก่อน จะอยู่ในรูป " แคลเซี่ยม ไอออน " หน้าที่สำคัญ 1.เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของผนังเซลล์ ช่วยในการแบ่งตัวของเซลล์ โดยเฉพาะการเจริญเติบโตของยอดหรือปลายราก / ทำให้ผนังเซลล์ตึง มีผลทำให้ลำต้นพืชแข็ง 2.หน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับโครงสร้างของผลไม้ 3.ช่วยเพิ่มการติดผล ช่วยป้องกันผลร่วง ผลแตก 4.ช่วยในการสร้างราก การแตกกิ่ง สร้างตา สร้างดอก 5.มีบทบาทที่สำคัญในระยะการเจริญเติบโตและการออกดอกของพืช 6.ช่วยย่อยธาตุไนโตรเจน / ลดการดูดดึ...

ธาตุโปแตสเซี่ยม K

รูปภาพ
ธาตุโปแตสเซี่ยม เกิดจากการสลายตัวของหินและแร่หลายชนิดในดิน พืชจะสามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้ต้องอยู่ในรูปอนุมูลบวก หรือ " โปแตสเซี่ยม ไอออน " เท่านั้น อนุมูลโปแตสเซี่ยมในดินอาจจะอยู่ใน " น้ำในดิน " หรือถูกยึดอยู่ที่ผิวของอนุภาคดินเหนียว (เป็นส่วนใหญ่) ดังนั้นดินที่มีเนื้อละเอียด อย่างดินเหนียวจึงมีปริมาณธาตุอาหารโปแตสเซี่ยมสูงกว่าดินที่มีเนื้อหยาบ อย่างดินทราย หรือดินร่วนปนทราย (แม้ว่าจะถูกดูดยึดจากอนุภาคดินเหนียว แต่รากพืชก็สามารถดึงธาตุนี้ไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายๆ พอๆ กับที่มันละลายอยู่ใน น้ำในดิน) ความสำคัญ ธาตุโปแตสเซี่ยม จะกระตุ้นการทำงานของเอมไซม์ ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการต่างๆ ได้แก่ การสังเคราะห์แสง การหายใจ การสังเคราะห์แป้ง และการสังเคราะห์โปรตีน รวมทั้งควบคุมแรงดันภายในเซลล์ (การดูดน้ำ และ การเปิดปิดของปากใบ ) ยังช่วยให้ผนังเซลล์ของพืชหนา ผลผลิตเก็บรักษาได้นานขึ้น  ประโยชน์ของธาตุโปแตสเซี่ยมต่อพืช 1.ใช้ในกระบวนการสร้างและสังเคาระห์ แป้งและน้ำตาล 2.เป็นธาตุที่ช่วยในเคลื่อนย้าย อาหารพวกแป้งและน้ำตาล (เพิ่มเท่าตัว) ไปเลี้ยงส่วนที่กำลังเจริญเติบโต และส่...

ธาตุฟอสฟอรัส P

รูปภาพ
ธาตุฟอสฟอรัส มีหน้าที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของรากพืช (จะมีระบบรากที่แข็งแรงแพร่กระจายในดินอย่างกว้างขวาง สามารถดึงดูดน้ำและธาตุอาหารได้ดี) ควบคุมการออกดอกออกผล (ได้อย่างรวดเร็วขึ้น) และการสร้างเมล็ด ธาตุฟอสฟอรัสในดิน จะเกิดจากการสลายตัวผุพังของแร่บางชนิดใน และการสลายตัวของสารอินทรีย์วัตถุในดินก็สามารถปลดปล่อยฟอสฟอรัสออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชได้ ซึ่งการใช้ปุ๋ยคอกนอกจากจะได้ธาตุไนโตรเจนแล้ว ยังได้ฟอสฟอรัสอีกด้วย การนำธาตุฟอสฟอรัสไปใช้ของพืช ธาตุฟอสฟอรัส พืชจะสามารถนำไปใช้ได้ต้องอยู่ในรูปของอนุมูลของสารประกอบที่เรียกว่า " ฟอสเฟต ไอออน " ซึ่งต้อง ละลายอยู่ในน้ำในดิน  (ดูเรื่องของดิน "น้ำในดิน"ถ้ายังไม่เข้าใจครับ)สารประกอบของฟอสฟอรัสในดินจะมีอยู่จำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่แล้วจะละลายน้ำยาก ดังนั้นจึงมักจะมีปัญหาเสมอว่า ถึงแม้ดินมีฟอสฟอรัสมากก็จริง แต่พืชก็ยังขาดฟอสฟอรัส เพราะส่วนใหญ่อยู่ในรูปที่ละลายน้ำยากนั่นเอง อีกประการคือ อนุมูลฟอสเฟตที่ละลายน้ำได้ จะถูกตรึงได้ง่าย พืชสามารถจะนำฟอสเฟตไปใช้ได้ 10-25% จากปริมาณที่เราใส่ให้กับพืช เช่น ดินที่เป็นกรด (pH ต่ำ...

ธาตุไนโตรเจน N

รูปภาพ
ธาตุไนโตรเจน N  ปกติจะมีอยู่ในอากาศจำนวนมาก ในรูปของก๊าซไนโตรเจน แต่พืชไม่สามารถนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้ (ยกเว้นพืชตระถั่วเท่านั้นที่สามารถแปรรูปก๊าซไนโตเจนจากอากาศเอามาใช้ประโยชน์ได้) ไนโตรเจนเป็นธาตุอาหารหลักที่พืชต้องการมาก เพราะต้องใช้ในการเจริญเติบโต สร้างกรดอะมิโน สร้างโปรตีน เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์และวิตามินในพืช แหล่งของธาตุไนโตรเจนในดินคือ อินทรีย์วัตถุ พืชที่ได้รับไนโตรเจน อย่างเพียงพอ จะส่งผลทำให้   1.เร่งให้พืชตั้งตัวได้เร็วในระยะแรกของการเจริญเติบโต 2.กระตุ้นให้เติบโตเร็ว ใบสีเขียวสด และพืชมีความแข็งแรง 3..ส่งเสริมการเจริญเติบโตทาง ลำต้น และใบ 4.เพิ่มโปรตีน ให้กับพืช 5.ควบคุมการออกดอก เพิ่มผลผลิต ขอลผลและเมล็ดที่สมบูรณ์ พืชที่ได้รับไนโตรเจน มากเกินไป จะส่งผลทำให้ 1.ทำให้พืชอวบน้ำมาก ล้มง่าย  2.ความต้านทานต่อโรคและแมลงลดน้อยลง 3.คุณภาพผลิตผล เมล็ด ลดลง (เพราะพืชจะมุ่งสร้างดอก ลำต้น กิ่ง ใบมากกว่าดอกและเมล็ด)    (ต้นมันไม่ลงหัว มีแป้งน้อย , ต้นอ้อยมีรสจืด , ส้มจะมีรสเปรี้ยวมาก 4.ทำให้พืชแก่เร็ว พืชที่ได้รับไนโตรเจน น้อยเกินไป...

ธาตุอาหารพืช

รูปภาพ
ธาตุอาหารพืช สิ่งมีชีวิตทุกอย่างในโลกนี้ล้วนต้องการอาหาร น้ำ อากาศ อื่นๆ เพื่อการดำรงชีวิตด้วยกันทั้งนั้น พืชก็เช่นเดียวกัน ธาตุอาหารพืชก็คืออาหารพืชนั่นเอง ซึ่งธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืช มีด้วยกัน 16 ธาตุ (เพื่อให้จำได้ง่าย จึงแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่1  ได้แก่ คาร์บอน (C) , ไฮโดรเจน (H) , อ๊อกซิเจน (O2) พืชจะได้รับจากอากาศและน้ำ  (ประมาณ 94-99.5% เป็นส่วนประกอบของพืช) (ตามน้ำหนักสดของพืช) กลุ่มที่2 ได้แก่ ไนโตรเจน (N) , ฟอสฟอรัส (P) , โปแตสเซี่ยม (K) พืชจะต้องการธาตุกลุ่มนี้มาก จึงมักจะเรียกว่า " ธาตุอาหารหลัก " แต่ในดินนั้นมีธาตุอาหารกลุ่มนี้น้อย เราจึงนำเอาธาตุอาหารกลุ่มนี้มาใส่ให้พืช หรืออาจเรียกได้ว่า การใส่ปุ๋ย นั่นเอง (N,P มักมีมากในดินทั่วๆไป แต่ K จะมีปริมาณมาก ยกเว้นในดินทราย) กลุ่มที่3 ได้แก่ แคลเซี่ยม (Ca) , แมกนีเซี่ยม (Mg) , กำมะถัน (S) พืชต้องการธาตุอาหารกลุ่มนี้ ในปริมาณที่น้อยกว่า กลุ่มที่ 2 (ธาตุอาหารหลัก N,P,K เราจึงเรียกธาตุอาหารกลุ่มนี้ว่า " ธาตุอาหารรอง " กลุ่มที่4 ได้แก่ เหล็ก (Fe) , แมงกานีส (Mn) , สังกะสี (Zn) , ทองแดง (Cu) , ...

เรื่องของอากาศและสภาพแวดล้อม

รูปภาพ
อากาศสำหรับพืช ในอากาศมี ก๊าสหลายชนิด ที่พืชต้องการมากที่สุด ได้แก่ อ็อกซิเจน คาร์บอนไดซ์อ๊อกไซค์ เพื่อการสังเคราะห์แสงในการสร้างอาหารและการหายใจของพืช และก๊าส ทั้ง 2 ชนิด จะมีอยู่ในดินด้วย(ช่องว่างระหว่างเม็ดดิน) ฉะนั้นการปลูกพืชเราจึงต้องมีการพรวนดินให้ร่วยซุยอยู่เสมอๆ เพื่อให้อากาศ ที่มีอยู่ในช่องว่างระหว่างเม็ดดิน มีการระบายถ่ายเทได้ แสงสว่าง (แสงแดด) พืชต้องการแสง/แสงแดด มาใช้ในการสร้างอาหาร ซึ่งพืชในแต่ละชนิดต้องการแสง/แสงแดด ไม่เท่ากัน (พืชบางชนิดต้องการช่วงแสงมาก บางชนิดต้องการช่วงแสงน้อย) หากพืชขาดแสง/แสงแดด แล้ว จะแคระแกรนไม่เจริญเติบโต ใบสีเหลือง หรือใบขาวซีด และจะตายในที่สุด อุณหภูมิ   อุณหภูมิ จะเป็นส่วนหนึ่งในการงอกและการเจริญเติบโตของพืช จะสังเกตุเห็นว่าพืชบางชนิดชอบอากาศหนาวเย็น และพืชบางชนิดชอบอากาศร้อน ฉะนั้นหากจะนำพืชมาปลูก เราควรเลือกพืชให้เหมาะสมต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ของแต่ละท้องถิ่นด้วย

เรื่องของน้ำ

รูปภาพ
น้ำ คือสารประกอบทางเคมีชนิดหนึ่ง (ไฮโดรเจน 2 อะตอม /อ็อกซิเจน 1 อะตอม) สถานะเป็นของเหลวในอุณหภูมิปกติ  เป็นปัจจัยสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตและการเพาะปลูกพืช พืชต้องการน้ำ 1.เป็นตัวทำละลาย ปุ๋ยหรือธาตุอาหารต่างๆ ให้กับพืช พืชจะดูดซึม (Osmosys) ผ่านทางรากขนอ่อน 2.ใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง 3.ช่วบควบคุมอุณหภูมิภายในต้นพืช (การคายน้ำของพืชจะทำให้อุณหภูมิในต้นพืชลดน้อยลง ทำให้พืชไม่เหี่ยว ฯลฯ) หลักในการให้น้ำพืช เมื่อใดที่เราจะให้น้ำแก่พืช และในปริมาณเท่าใด ให้คำนึงถึงปัจจัย 3 อย่างคือ พืช ดิน และน้ำ 1.ปริมาณน้ำที่พืชต้องการในแต่ละช่วงเวลาตลอดอายุพืชนั้นๆ 2.ความสามารถในการอุ้มน้ำของดินในเขตรากพืช 3.ปริมาณแหล่งน้ำในการชลประทาน นอกจากนี้แล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย อันได้แก่ สภาพภูมิอากาศ (อุณหภูมิ ความชื้น แสง) และการจัดการการเพาะปลูก เช่น ความหนาแน่นของพืชที่ปลูก ฤดูการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว และการให้ปุ๋ย ฯลฯ ความต้องการน้ำของพืช 1.ระยะเจริญเติบโตทางด้านกิ่ง ใบ ต้องการน้ำมาก 2.ระยะเตรียมออกดอก ต้องการน้ำน้อย 3.ระยะแทงช่อดอก ผสมเกสร และติดผลอ่อน ต้องการน้ำมาก 4.ร...

เรื่องของดิน

รูปภาพ
ส่วนประกอบของดิน บางท่านคงยังไม่รู้ว้า ดิน ที่เราเห็นอยู่ทุกวัน มันคืออะไร ดิน   ก็คือ วัสดุธรรมชาติที่เกิดจากการผุพังสลายของหินและแร่ธาตุตลอดจนการสลายตัวของซากพืชและซากสัตว์นั่นเอง (แบบย่อๆ นะ) ฉนั้นสรุปได้ว่า ดินจะมีส่วนประกอบ ได้แก่ 1. อนินทรีย์วัตถุ (ซากหิน ซากแร่ธาตุต่างๆ) 2. อินทรีย์วัตถุ (ซากพืช ซากสัตว์เป็นแหล่งสำคัญของธาตุอาหารพืช) 3. น้ำในดิน (คือน้ำที่อยู่ระหว่างอนุภาคของดิน น้ำชนิดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพืชมากๆครับ เพราะจะช่วยละลายธาตุอาหารพืช เพื่อให้พืชสามารถดูดเอาไปใช้ได้ครับ) 4. อากาศในดิน (อากาศที่แทรกอยู่ระหว่างอนุภาคของดิน ซึ่งเป็นแหล่งหายใจของจุลลินทรีย์ต่างๆ และรากพืช)

ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช

รูปภาพ
ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช พืชจะดำรงชีวิตอยู่ได้นั้นต้องมีปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิต อันได้แก่ 1.ดิน 2.น้ำ 3.อากาศ 4.สภาพแวดล้อม (แสง อุณหภูมิ ฯลฯ) 5.ธาตุอาหารพืช ซึ่งปัจจัยต่างๆ นั้น พืชจะขาดปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งไม่ได้ หากขาดแล้วพืขจะไม่เจริญเติบโตหรือไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ อีกประการคือพืชในแต่ละชนิดการดำรงชีวิตย่อมต้องการปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตนั้นแตกต่างกันออกไป เช่น พืชบางชนิดต้องการเจริญเติบโตในดินเหนียว มีน้ำท่วมขัง พืชบางชนิดชอบอากาศเย็น ฯลฯ # คนเล่นปุ๋ยกิฟไอเดียบรรเจิด # คนเล่นปุ๋ย